ในช่วงที่ฝุ่นพิษ PM 2.5 ปกคลุมหนาแน่น การใช้ชีวิตประจำวันต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลายอย่างเพื่อเลี่ยงความเสี่ยงต่อสุขภาพ หนึ่งในนั้นคือ การตากผ้าไว้กลางแจ้ง ซึ่งหลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่แท้จริงแล้วการปล่อยให้ผ้าสัมผัสกับอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองขนาดเล็ก อาจทำให้เสื้อผ้ากลายเป็นแหล่งสะสมมลพิษโดยไม่รู้ตัว และยังนำไปสู่ปัญหากลิ่นอับจนทำให้เสียความมั่นใจในการสวมใส่อีกด้วย
PM 2.5 คืออะไร และทำไมอันตรายกว่าที่คิด
ฝุ่น PM 2.5 หมายถึงฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งเล็กกว่าขนาดเส้นผมมนุษย์ถึง 20 เท่า ทำให้สามารถลอยอยู่ในอากาศได้นาน และเล็ดลอดเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจได้อย่างง่ายดาย ฝุ่นชนิดนี้มีแหล่งกำเนิดจากหลายปัจจัย เช่น ควันรถยนต์ การเผาในที่โล่ง การเผาขยะ การเผาไร่อ้อย ไปจนถึงการปล่อยควันจากโรงงานอุตสาหกรรม
อันตรายของ PM 2.5 ไม่เพียงแค่ทำให้แสบตา ระคายเคืองจมูก หรือไอเท่านั้น แต่ยังสามารถซึมเข้าสู่ปอดและกระแสเลือด ก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจ และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งปอดในระยะยาว
ตากผ้าไว้กลางแจ้งเสี่ยงอะไรบ้าง
หลายคนเชื่อว่าการตากผ้ากลางแดดคือวิธีที่ดีที่สุด เพราะช่วยให้แห้งเร็วและลดกลิ่นอับ แต่เมื่อฝุ่นพิษ PM 2.5 อยู่ในระดับที่เป็นอันตราย การตากผ้ากลางแจ้งอาจกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เสื้อผ้าซึมซับฝุ่นละอองเหล่านี้โดยตรง
1. ผ้าสะสมฝุ่นละออง
เนื้อผ้าเปรียบเสมือนฟองน้ำที่สามารถดูดซับฝุ่นได้ง่าย ยิ่งเป็นผ้าที่มีเส้นใยถี่อย่างผ้าขนหนูหรือเสื้อยืดสีเข้ม ฝุ่นจะติดแน่นจนซักออกได้ยาก
2. กลิ่นอับไม่พึงประสงค์
แม้จะตากในที่มีแดด แต่เมื่อผ้าได้รับฝุ่นพิษจำนวนมาก สารเคมีที่ปนอยู่กับ PM 2.5 อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ คล้ายกลิ่นอับชื้น และยังติดคงทนแม้ซักแล้วก็ตาม
3. ความเสี่ยงด้านสุขภาพ
การใส่เสื้อผ้าที่สะสมฝุ่นพิษ เท่ากับนำ PM 2.5 มาอยู่ติดตัวตลอดเวลา เมื่อสูดดมเข้าไปก็เสี่ยงกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอด
ทำไมเสื้อผ้าถึงมีกลิ่นอับเมื่อสัมผัสฝุ่น
กลิ่นอับไม่ได้เกิดจากความเปียกชื้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากการสะสมของฝุ่นละอองและสารเคมีที่เกาะอยู่บนเนื้อผ้า เมื่อฝุ่นเหล่านี้ผสมกับความชื้นในอากาศหรือเหงื่อจากร่างกาย จะทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่สร้างกลิ่นไม่พึงประสงค์ขึ้นมา ซึ่งมักจะรู้สึกเหมือนเสื้อผ้าไม่สะอาด แม้เพิ่งซักใหม่ก็ตาม
วิธีเลี่ยงการตากผ้าในช่วงฝุ่นพิษ
เพื่อป้องกันไม่ให้ผ้ากลายเป็นแหล่งสะสมฝุ่น ควรเปลี่ยนพฤติกรรมการตากผ้าในช่วงที่ PM 2.5 อยู่ในระดับสูง
-
ตากในร่มหรือใช้ราวตากผ้าในบ้าน แม้จะแห้งช้ากว่าแต่ปลอดภัยกว่า
-
ใช้พัดลมเป่าเพื่อลดความชื้น ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วโดยไม่ต้องพึ่งลมภายนอก
-
ใช้เครื่องอบผ้า สำหรับบ้านที่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถลดความเสี่ยงได้มาก
-
เลือกซักผ้าด้วยน้ำยาที่ช่วยลดกลิ่นอับ เพื่อเพิ่มความมั่นใจว่าผ้าจะมีกลิ่นหอมสะอาด
ทางเลือกใหม่ของคนเมือง
ในเมืองใหญ่ที่มีฝุ่นพิษหนาแน่นตลอดทั้งปี การลงทุนในเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง เครื่องอบผ้า หรือ เครื่องฟอกอากาศในห้องซักผ้า อาจเป็นทางเลือกที่ช่วยลดปัญหาได้ในระยะยาว นอกจากนี้ การติดตั้ง ราวตากผ้าแบบมีพัดลมดูดอากาศ ก็ช่วยระบายความชื้นโดยไม่ต้องเสี่ยงกับฝุ่นข้างนอก
สรุป
การตากผ้าไว้กลางแจ้งในวันที่มีฝุ่นพิษ PM 2.5 หนาแน่น ไม่เพียงทำให้เสื้อผ้าสกปรกเร็วกว่าที่คิด แต่ยังเสี่ยงเป็นสาเหตุของกลิ่นอับและปัญหาสุขภาพระยะยาว ดังนั้นควรหันมาใส่ใจพฤติกรรมการซักและตากผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ เลือกวิธีที่ปลอดภัยต่อทั้งสุขภาพและความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน