หลายครั้งที่เสื้อขาวสะอาดกลับกลายเป็นคราบเหลือง แม้ซักก่อนเก็บแล้วก็ตาม ปรากฏการณ์นี้เกิดเพราะ เชื้อราและแบคทีเรียเจริญเติบโตในผ้าที่ยังชื้น ส่งผลให้คราบเหลืองกระจายถึงใยผ้าและฝังลึกจนขจัดออกยาก
ทำไมผ้าชื้นก่อนซักถึงกลายเป็นคราบเหลือง?
-
เมื่อผ้ายังชื้นแต่ถูกเก็บในที่อับ เช่น ตู้หรือถุงพลาสติก เชื้อราและแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ภายใน 24–48 ชั่วโมง
-
กระบวนการเจริญเติบโตจะผลิตกรดหรือสารชีวภาพที่ซึมเข้าเนื้อผ้า ทำให้เกิด คราบเหลืองแบบถาวร
-
นอกจากเชื้อราแล้ว ความชื้นยังกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกับคราบเหงื่อ หรือสารตกค้างจากผงซักฟอก ที่อาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเมื่อตั้งทิ้งไว้นาน
วิธีป้องกันและกำจัดคราบเหลืองจากผ้าเก่า
-
ซักและตากให้แห้งก่อนเก็บ
-
ล้างผ้าด้วยน้ำอุ่นและน้ำยาซักที่อ่อนโยน
-
ตากให้แห้งสนิท ป้องกันความชื้นตกค้าง
-
-
เก็บผ้าในที่แห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี
-
หลีกเลี่ยงการเก็บในถุงพลาสติกหรือที่อับ
-
ใช้ผ้าหรือถุงผ้าละเมียดในการเก็บ ช่วยให้ผ้าระเหยอากาศ
-
-
รีทรีทเฉพาะจุดก่อนซัก
-
ถ้าผ้ามีกลิ่นหรือคราบเหลืองให้พ่นส่วนที่ผิดปกติด้วย ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (hydrogen peroxide) ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ก่อนซัก
-
-
ตากผ้าในแสงแดดจัด
-
รังสี UV จะช่วยยับยั้งเชื้อราและเพิ่มความขาวให้ผ้า
-
-
ซักมือในน้ำอุ่นหรือใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดคราบเฉพาะทาง
-
ใช้น้ำยาหรือผงซักที่มีสารออกซิเจนบูสเตอร์ เช่น ออกซิเบลช์ (oxygen bleach) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบเหลือง
-
บทสรุป
หากคุณเก็บผ้าโดยไม่ทำให้แห้งก่อน เป็นทางเชิญชวนให้เชื้อราก่อปัญหา คราบเหลืองเสียถาวรในเนื้อผ้า โดยเฉพาะผ้าเสื้อขาวที่บอบบาง หากต้องการรักษาความสว่างให้เสื้อขาวอยู่นาน ทำตามขั้นตอนป้องกัน และหมั่นตรวจเช็กก่อนเก็บจะช่วยให้เสื้ออยู่ในสภาพดีที่สุดได้