เสื้อผ้าที่ตากในบ้านไม่มีอากาศถ่ายเท อาจทำให้ผ้าชื้นและมีกลิ่นราเกาะเนื้อผ้า

ตากผ้าในบ้านโดยไม่มีอากาศถ่ายเทดีเสี่ยงผ้าชื้น กลิ่นรา และสีหมอง วิธีป้องกันดูแลให้เสื้อผ้าแห้งสะอาดปลอดภัยครับ

หลายบ้านที่ไม่มีพื้นที่ตากผ้ากลางแจ้ง มักเลือกตากผ้าในบ้านหรือพื้นที่ในร่ม เช่น ห้องน้ำ ห้องนอน หรือบริเวณซักล้างภายในบ้าน ซึ่งสะดวกและไม่ต้องกังวลเรื่องฝนหรือแดดจัด แต่ปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือ ผ้าชื้น กลิ่นอับ และรา ที่ตกแต่งเนื้อผ้าซึ่งอาจซ่อนอยู่แม้ผ้าจะเพิ่งซักเสร็จ บทความนี้จะอธิบายให้ละเอียดว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ผลกระทบที่อาจตามมา วิธีแก้ไข และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง เพื่อให้เสื้อผ้าของคุณแห้งสะอาด ไม่มีกลิ่นรา

สาเหตุที่เสื้อผ้าชื้นและมีกลิ่นราเมื่อตากในบ้านที่อากาศไม่ถ่ายเท

เมื่อผ้าถูกซักเสร็จ มักยังคงมีความชื้นตกค้างอยู่ในเส้นใย โดยเฉพาะที่บริเวณซับใน รักแร้ หรือบริเวณที่มีการเย็บซ้อนหลายชั้น ถ้าตากในบ้านที่ไม่มีหน้าต่างหรือไม่มีช่องระบายอากาศที่ดี ความชื้นเหล่านี้จะไม่สามารถระเหยออกได้ทันที กลายเป็นความชื้นค้างในอากาศภายในห้อง

สภาพอากาศภายในบ้านจะถูกเปลี่ยนเมื่อมีผ้าชื้นอยู่ ร่างกายและผ้าจะปล่อยไอน้ำออกมา ทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ (relative humidity) ภายในห้องสูงขึ้น เมื่อความชื้นสูงมากกว่าเกณฑ์ที่เส้นใยผ้าและพื้นผิวอื่น ๆ สามารถทนได้ จะเกิดการเกาะกลุ่มของเชื้อรา (mould) และแบคทีเรีย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศอับชื้น

นอกจากนี้ การที่ผ้าไม่แห้งสนิทก็ทำให้เส้นใยผ้าอยู่ในสภาพเปียกนาน ซึ่งเป็นสภาพที่ทำให้เนื้อผ้าค่อย ๆ เสื่อมสภาพจากการยืดหด ซักบ่อย เปียกแล้วแห้งช้า โดยเฉพาะผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าที่มีเนื้อละเอียด

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผ้าและสุขภาพ

ผลกระทบต่อผ้าเองจะเห็นได้ทั้งทางสายตาและการใช้งาน ผ้าที่ชื้นและมีราอาจเริ่มมีกลิ่นอับ แม้หลังซักจะมีกลิ่นสะอาด น้ำยาปรับผ้าหอมก็กลบไม่อยู่ ราอาจเจริญเติบโตเป็นจุด ๆ สีผ้าอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือมีจุดดำเล็ก ๆ ทำให้ผ้าดูเก่าแม้ยังใหม่

ในส่วนของเนื้อผ้า เส้นใยอาจถูกทำลายจากการที่ถูกความชื้นทำให้เส้นใยอ่อนแอและเปราะ เช่นเดียวกับการเสียดสีเนื่องจากการซักหรือการออกแรงขยี้เมื่อคราบฝังตัว ในระยะยาวผ้าจะมีอายุใช้งานสั้นลง

จากมุมมองสุขภาพ กลิ่นราและเชื้อราที่เจริญบนผ้าสามารถปล่อยสปอร์ (spores) ซึ่งเมื่อหายใจเข้าไปอาจทำให้เกิดอาการแพ้ จาม คันตา หายใจติดขัด โดยเฉพาะบุคคลที่มีภูมิต้านทานต่ำ ผู้ป่วยโรคหืด หรือผู้สูงอายุ เด็กเล็กอาจได้รับผลกระทบหนักกว่า

ข้อดีและข้อจำกัดของการตากเสื้อผ้าในบ้าน

ในบางสถานการณ์ การตากผ้าในบ้านก็มีประโยชน์ เช่นในฤดูฝน หรือในพื้นที่ซึ่งไม่มีระเบียงหรือบริเวณตากกลางแจ้งที่ปลอดภัย ตากในบ้านช่วยให้ผ้าปลอดภัยจากฝุ่นละอองภายนอก ฝน และแมลง นอกจากนี้ยังสะดวก ไม่ต้องยกผ้าหนัก ๆ ออกไปข้างนอก

แต่ข้อจำกัดสำคัญคือเมื่อบ้านไม่มีช่องลมหรือการระบายอากาศไม่ดี อากาศภายในห้องที่ตากผ้าจะหนาและอับชื้นได้ง่าย ทั้งนี้ผ้าที่ตากอยู่ในพื้นที่ใช้ชีวิตประจำวันเช่นห้องนอน ห้องน้ำ อาจได้รับไอน้ำหรือความชื้นจากกิจกรรมอื่น ๆ เช่นอาบน้ำ ทำอาหาร ซึ่งเพิ่มภาระของความชื้น

วิธีแก้ไขเมื่อผ้าเริ่มชื้นและมีกลิ่นราแล้ว

เมื่อพบว่าผ้ามีกลิ่นอับหรือเริ่มมีรอยรา ถึงแม้จะเพิ่งซักก็มีวิธีช่วยฟื้นฟู:

เริ่มจากนำผ้ามาซักใหม่โดยใช้น้ำร้อนที่อุณหภูมิที่ผ้าทนได้ หรือใช้รอบน้ำอุ่น พร้อมผงซักฟอกที่มีคุณสมบัติกำจัดแบคทีเรียและเชื้อรา แล้วล้างให้สะอาดหลายรอบเพื่อเอาสารตกค้างออก

หลังซัก ให้นำไปผึ่งในที่ที่มีลมถ่ายเทดีและแดดอ่อน ถ้าแดดจ้าเกินไปอาจทำให้ผ้าหดหรือสีซีด แต่แดดอ่อนช่วยฆ่าเชื้อได้ดี

ใช้เครื่องดูดความชื้นหรือเปิดพัดลมหรือฮูดดูดอากาศถ้าอยู่ในห้องน้ำหรือครัว เพื่อช่วยลดความชื้นในอากาศและช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น

ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวที่มีความชื้นตกค้างบ่อย เช่นผนังหลังตากผ้า หน้าต่าง ประตู เพื่อกำจัดเชื้อรา และป้องกันไม่ให้ราขยายตัว

วิธีป้องกันให้ตากผ้าในบ้านโดยไม่มีอากาศถ่ายเทได้อย่างปลอดภัย

เพื่อไม่ให้ผ้าชื้นหรือมีกลิ่นราเมื่อจำเป็นต้องตากผ้าในบ้าน มีแนวทางปฏิบัติที่ช่วยลดความเสี่ยงได้มาก

เลือกพื้นที่ที่มี การถ่ายเทอากาศดี เช่นใกล้หน้าต่างที่เปิดได้ หรือใกล้ประตูที่สามารถเปิดเพื่อให้อากาศเข้าออกได้ ถ้าเป็นไปได้ควรเปิดหน้าต่างหลายด้านให้ลมพัดผ่าน

ใช้ราวแขวนผ้าที่เป็นโลหะหรือวัสดุที่ไม่สะสมความชื้น และไม่ให้ผ้าชนกันแน่นเกินไปเพื่อให้แต่ละชิ้นได้รับลมเข้าถึง ช่วยให้แห้งเร็วขึ้นและความชื้นไม่ค้างระหว่างชิ้นผ้า

จัดเวลาในการซักตากผ้าให้ดี โดยหลีกเลี่ยงการตากในช่วงที่อากาศเย็นหรือฝนตก เมื่อได้รับแดดอ่อนในช่วงเช้าหรือช่วงบ่ายที่แดดอ่อนจะช่วยให้ผ้าแห้งเร็วโดยไม่มีแดดแรงทำลาย

ใช้วัสดุช่วยลดความชื้นเสริม เช่นเครื่องดูดความชื้น ตัวดูดความชื้นแบบใช้อุปกรณ์เคมี ใส่ในตู้หรือใกล้กับราวตากผ้า หรือใช้พัดลมหมุนลมในห้องเพื่อช่วยลมถ่ายเท

แม้จะในบ้านควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้า เฉพาะจุดเช่นถังซัก ปั๊มน้ำ และช่องกรองขุย เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นตกค้างที่อาจกลับมาติดผ้าใหม่ทุกครั้งที่ซัก

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องซึ่งควรคำนึงเพิ่มเติม

ชนิดของผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ ผ้าฝ้ายและผ้าลินินมีความโปร่งและทอแน่นแตกต่างกัน จึงมีศักยภาพเก็บความชื้นสูงกว่าผ้าสังเคราะห์เฉพาะบางชนิด

จำนวนชุดผ้าที่แขวนภายในพื้นที่และระยะห่างระหว่างแต่ละชิ้น หากแขวนหลายชิ้นใกล้กัน ผ้าจะไม่แห้งทั่วถึง ส่วนที่อยู่ข้างในอาจยังเปียกค้าง ซึ่งเชื้อราจะเริ่มเจริญที่จุดเหล่านั้น

อุณหภูมิและอากาศภายนอกมีผล หากภายนอกอากาศเย็นหรือมีฝนตกนอกรอบ บ้านอาจปิดหน้าต่าง กลายเป็นอับชื้น ภายในห้องอุณหภูมิและความชื้นสูงกว่าปกติ

สภาพผนัง พื้น ผ้าและพื้นผิวภายในห้องที่สะสมความชื้นอยู่แล้ว เช่นผนังที่เป็นปูนที่ไม่ลงพื้น ผนังที่ไม่มีการทาสีกันซึม อาจทำให้ความชื้นสะสมและทำให้ราติดผ้าหรือผนัง

สรุปประเด็นสำคัญ

  1. ตากผ้าในบ้านที่ไม่มีอากาศถ่ายเทดีทำให้ความชื้นในอากาศสูง ผ้าแห้งช้า และเกิดรา กลิ่นอับ แม้ผ้าจะเพิ่งซัก

  2. ผลเสียรวมถึงกลิ่นติด เสื้อผ้าดูเก่า สีหมอง เส้นใยเสื่อม และอาจมีปัญหาสุขภาพหากมีเชื้อรา

  3. วิธีป้องกันและดูแล ได้แก่เลือกตากใกล้หน้าต่างหรือเปิดประตู ใช้พัดลมหรือเครื่องดูดความชื้น แยกผ้าไม่ให้ชนกัน และซักผ้าด้วยน้ำอุ่นและล้างสะอาด